เมื่อเป็นหน่วยกล้าตาย

เหลือเวลาไม่ถึงอีกหกร้อยวัน ฮ่องกงจะต้องคืนให้แก่แผ่นดินใหญ่ หลายคนที่เป็นโรคหวาดกลัวปี 97 ต่างทำเรื่องโอนสัญชาติ ไปอยู่ต่างประเทศไปตามๆกัน หลายปีก่อน เหลียงเฉาเหว่ย ได้ขอเดินเรื่องย้ายไปอยู่ที่ประเทศแคนาดาทั้งครอบครัว ตามเหตุผลเขาควรได้รับเอกสารการโอนสัญชาตินานแล้ว แต่พักก่อนเขาเดินทางตามทีมงานกองใหญ่ไปโชว์ตัวที่อเมริกาและแคนาดา พอทีมงานขอบัตรทำงานเขาก็ขอด้วย เมื่อเดินทางไปถึงประเทศแคนาดา เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองได้ขอดูพาสปอร์ตของเขาแล้วรู้สึกแปลกมาก เหตุใดเขามีเอกสารโอนสัญชาติแล้ว ยังต้องขอบัตรทำงานอีก รายการนี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายโอนสัญชาติจึงมาคุยกับ เหลียงเฉาเหว่ย

หากใครตั้งใจจะโอนสัญชาติ เจ้าหน้าที่ฝ่ายโอนสัญชาติจะต้องทำความเข้าใจกับผู้นั้นหน่อย ผู้คนโดยทั่วไปมักจะขอร้องทางเจ้าหน้าที่แต่เหลียงเฉาเหว่ยกลับพูดกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายโอนสัญชาติอย่างอาจหาญและใจป้ำว่า

"คุณฉีกใบอนุญาติการโอนสัญชาติเสียก็ได้!!"

  สุดท้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายการโอนสัญชาติได้กระทำตามความประสงค์ของเขา โดยฉีกใบอนุญาตินั้นต่อหน้าเขา เหลียงเฉาเหว่ย แสดงทีท่าราวกับไม่แคร์การโอนสัญชาติไปอยู่ประเทศแคนาดานัก เวลานี้คุยกับเขาถึงเรื่องดังกล่าว เขายังพูดอย่างใจเย็นและไม่แสดงความโกรธใดๆเลย

 "ผมลืมไปจริงๆ ว่าผมได้ไปขอใบโอนสัญชาติไว้แล้ว แต่ก็ช่วยไม่ได้ เมื่อผมยื่นเรื่องผิดพลาดไป เขาอยากทำสิ่งใดก็ทำไปเถอะ"

 

เหตุใดเขาจึงไม่ขอร้องเจ้าหน้าที่ผู้นั้นสักหน่อย แทนที่จะทำให้สภาพการณ์เลวร้ายขึ้นเช่นนี้ ถ้าเขาขอร้องอีกฝ่ายหนึ่งคงจะเปลี่ยนสภาพการณ์ให้ดีขึ้น หรือเจ้าหน้าที่ผู้นั้นแสดงกิริยาแย่มากใช่หรือไม่

 "กิริยาของเขาไม่จัดว่าแย่ ผมเพียงคิดว่าต่อให้ผมขอร้องเขาอีกสองชั่วโมง ผลก็คงเหมือนเดิม เมื่อตกอยู่ในสภาพที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็สู้ให้จบๆ ไปเร็วๆดีกว่าจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก”

ถ้าเช่นนั้นเหตุใดเขาต้องเดินเรื่องขอโอนสัญชาติด้วยเล่า?

“เพราะคนในบ้านเป็นเหตุ เมื่อครอบครัวอยากโอนสัญชาติ ผมจะไม่เดินเรื่องก็ไม่ดีนักและการไปพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายนี้ก็ต้องอธิบายเหตุผลให้ฟัง”

เมื่อเขาเดินทางไปถึงแวนคูเวอร์ รู้สึกว่าทัศนียภาพสวยงาม สี่ฤดูกาลต่างกันชัดเจน และเขาก็ชอบอากาศของประเทศนี้

“หากไปเที่ยวไม่ต้องทำงาน จะไม่มีภาระไม่ว่าไปที่ใดก็สนุกทั้งนั้น แต่ถ้าจะให้ผมไปอยู่ที่นั่นครึ่งค่อนชาติก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จริง โลกนี้ผมเคยไปมาหลายประเทศ แต่ถึงอย่างไรผมคงชอบฮ่องกงที่สุด”

เขาคิดจะเดินเรื่องขอโอนสัญชาติอีกหรือไม่?

“ยังไม่เคยคิด  พูดตามตรง วันนี้ไม่ทราบว่าพรุ่งนี้จะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นบ้าง ผมเองไม่ใช่ผู้ที่มีแผนชีวิตในการทำสิ่งใดๆ”

นอกจากนี้ศิลปินมากมายที่ชื่นชมการแสดงกิริยาเช่นนี้ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายโอนสัญชาติ เพราะเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองและเจ้าหน้าที่โอนสัญชาติ ต่างมักแสดงกิริยาเลวร้ายต่อศิลปินชาวฮ่องกง ดังนั้นการกระทำของเขาครั้งนี้จึงเยี่ยมมาก เรียกว่าช่วยกู้หน้าล้างอายให้พวกเขา!!!

ที่มา:ทีวี วีดีโอ ไทมส์ ปี 2539