ย้อนอดีตกับเฮียเหลียง11
เหลียงเฉาเหว่ยผู้ชายที่ไม่รู้จักคำว่าย่อท้อ1
เมื่อปี 1994 เหลียงเฉาเหว่ยเคยได้รับรางวัลดาราสนับสนุนฝ่ายชาย แล้วมาปีนี้เขาได้ครองตำแหน่งที่คิดไว้ของดาราทุกคนนั้นคือ ดารานำแสดงฝ่ายชายนี่คงเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าความเฮงที่ตามมาติดๆกันของเหลียงเฉาเหว่ย คงจะหาสิ่งใดมาหยุดเขาไว้ไม่ได้อีกแล้ว
จากครอบครัวที่ครั้งหนึ่งเคยมีผู้เป็นพ่อเป็นผู้นำของครอบครัว แต่แล้ววันนี้ไม่มีแม้แต่เงา...
ระยะเวลาเกือบสิบปีแล้วที่พ่อของโทนี่ได้แยกทางกับแม่ของเขาจากเด็กชายน้อยๆคนหนึ่งที่เคยร่าเริงสดใส มารับรู้ถึงปัญหาที่ผู้ใหญ่ก่อขึ้นจนต้องแยกทางกัน เขากลายเป็นเด็กที่เก็บตัวและไม่ชอบพูดคุย ถึงขั้นเรียกได้ว่าเงียบทีเดียว ซึ่งความรู้สึกอย่างนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขาสะสมสิ่งเหล่านี้มานานแค่ไหน จนกระทั่งโตเป็นผู้ใหญ่จนมีแฟน นิสัยที่เป็นคนเงียบของเขาอาจสร้างความไม่พอใจให้กับคนรอบข้าง ไม่ว่าแม่หรือแม้กระทั่งแฟนสาว ซึ่งผลที่ตามมาอีกอย่างหนึ่งก็คือ แฟนสาวหลายคนต้องรู้สึกเสียใจและน้อยใจที่ได้พยามยามมอบความรักให้กับเขาจนกระทั่งทั้งสองฝ่ายเคยคิดที่จะแต่งงานกันแต่ด้วยเหตุที่โทนี่ เป็นคนเงียบขรึมจนเดาใจกันไม่ถูก เขาไม่มีความมั่นใจในชีวิตครอบครัว สุดท้ายข่าวดีที่ออกมาก็ต้องเป็นหมันครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือการที่เขาเป็นผู้ที่ชอบสร้างความเดือดร้อนใจต่อคนใกล้ชิดไม่พ้นแม้กระทั่งผู้เป็นแม่ นั่นเป็นเวลาที่เขาอยู่ช่วงวัยรุ่นนั่นเอง เขาเป็นคนที่เงียบก็จริงแต่เป็นคนที่ชอบการแข่งขันรถเป็นชีวิตจิตใจ จากการแข่งขันเกือบทุกครั้ง เขาอาจต้องรับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ซึ่งสร้างความเจ็บปวดใจแก่แม่ครั้งแล้วครั้งเล่าอีกด้วย
ย้อนเวลากลับไปตอนที่เหลียงเฉาเหว่ยเป็นเด็กวัย 10 ปี
จากครอบครัวที่พ่อแม่มีเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง เด็กน้อยคนนี้จะแอบอยู่หลังโต๊ะฟังเสียงที่ทั้งคู่ทะเลาะกันจนทุกวันนี้ก็ยังมิอาจลืมได้ หลังจากที่พ่อแม่ทะเลาะกันจบสิ้นครั้งใดผู้เป็นแม่ก็ต้องแอบร้องไห้ทุกครั้ง โทนี่จะวิ่งเข้าไปโอบกอดแม่ไว้ จากนั้นมาเด็กชายน้อยๆคนนี้จึงกลายเป็นเด็กที่ชอบตั้งคำถามอยู่เสมอแล้วค่อยหาคำตอบให้กับตัวเองทีหลัง เขาเริ่มที่จะสะสมความเกลียดชังในตัวพ่อทีละนิดๆแต่เขายิ่งเกลียดตัวเองที่มีเลือดของพ่อไหลเวียนอยู่ในตัวเขาเอง ซึ่งตอนนี้(หมายถึงช่วงที่เขาโตขึ้นแล้ว) เขาเองได้เข้าปรึกษาจิตแพทย์แล้วทำให้ปัญหาที่คาค้างอยู่ในใจมาได้จางหายไปแต่ที่ร้ายกว่านั้น คงเป็นคุณแม่ของเขาเองที่กล่าวโทษตัวเองที่สร้างความรู้สึกนี้ให้แก่ลูก ดังนั้นเธอผู้หญิงตัวเล็กๆ จำเป็นต้องทำงานเลี้ยงโทนี่ให้เจริญเติบโต ทุกวันจึงทุ่มเทสิ่งต่างๆกับงานและจุดนี้นี่เองที่เป็นจุดหนึ่งที่เธอมองข้ามไปเพราะเธอไม่มีเวลาที่จะมาสั่งสอนให้โทนี่ดำเนินชีวิตอย่างไร ไม่มีความอบอุ่นเหมือนที่เด็กทั่วไปได้รับ เด็กชายคนนี้เริ่มสูญเสียความเชื่อมั่นมีแต่กระจกที่คอยเป็นเพื่อนสะท้อนคำถามต่างๆนานาที่เด็กคนหนึ่งพึงจะถามได้ ซึ่งมีส่วนที่ทำให้โทนี่ไม่ชอบสมาคมกับคนจำนวนมากๆ เพราะเขาไม่มั่นใจว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไร
ตอนเด็กผมใฝ่ฝันที่อยากจะไปเรียนต่อที่อเมริกาอยากทำหลายอย่าง เคยคุยให้แม่ฟัง แต่ผมไม่เคยคิดว่าครอบครัวที่มีแม่คนเดียวที่ทำงานจะมีกำลังมากพอ เมื่อแม่ปฏิเสธผม ผมโกรธและน้อยใจที่แม่ไม่ให้ซึ่งพาลไม่ชอบแม่ไปด้วยอีกคน"
เมื่อโตขึ้น เริ่มทำงานเองแล้วผมถึงจะเลิกความรู้สึกนั้นออกไปจากใจ แต่กลับมีสิ่งหนึ่งเข้ามาแทนความรู้สึกดีๆ ให้กับผมนั่นก็คือ ผมรู้สึกพอใจแล้วที่มีโอกาสดีๆ กว่าคนที่ลำบากกว่าผมซึ่งนับตั้งแต่พ่อจากไป มีแต่แม่ที่ต้องทำงานหาเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน ซื้ออาหาร เสื้อผ้า แต่ไม่ก็ไม่ละทิ้งความต้องการของเด็กวัยรุ่นของผม ผมไม่เคยน้อยหน้าใครในการมีในสิ่งที่เพื่อนรุ่นราวคราวเดียวที่เขามี บางทีของผมอาจมีมากกว่าพวกเพื่อนอีกด้วย
แค่ไก่ปิ้งเสียบไม้กับข้าวเปล่า ก็สามารถนำเขาให้เป็นดารายอดนิยมได้
ยังจำได้ว่าตอนเด็กๆไปโรงเรียน พอตอนเย็นเลิกเรียนออกมาจากโรงเรียน ขึ้นรถเมล์กลับบ้านพร้อมน้องสาว ซึ่งผมจะแวะซื้ออาหารประจำที่ข้างๆป้ายรถเมล์ มีร้านขายไก่ปิ้งไม้ละห้าบาท ผมซื้อมาสองไม้กับข้าวเปล่าอีกห้าบาท เป็นอาหารมื้อเย็นติดมือกลับบ้านเสมอจนกระทั่งผมจบมัธยมเขายังจำรสชาติของไก่ปิ้งนั้นได้ดี มาถึงตอนนี้ เวลาที่เขาอยู่ในกองถ่ายของทีวีบี เขายังไม่ลืมที่จะสั่งอาหารที่เคยทานมาแต่เด็กๆ
ที่มา:Idol express
